วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

ประเภทของlimit


                การเดิมพันในโป๊กเกอร์จะมีวิธีเดิมพันสามรูปแบบ เนื่องจากการเล่นที่แตกต่างในแต่ละเกมจึงได้มีการคิดรูปแบบ การจำกัดในการเดิมพันขึ้นมา
                No limit การจำกัดการเดิมพันแบบนี้คนที่เล่นโป๊กเกอร์จะคุ้นเคยที่สุดเพราะเท็กซัสโฮลเอ็มมักจะใช้limitแบบนี้ การจำกัดแบบนี้หมายความว่าไม่จำกัด ทำให้ผู้เล่นสามารถเดิมพัน เรส รี-เรส ได้ไม่จำกัดเพดานสูงสุด แต่จำกัดขั้นต่ำในการเดิมพัน เรส และ รี-เรส
                การเดิมพัน(Bet)จำกัดขั้นต่ำไว้ที่ บลาย คือต้องเดิมพันเท่าหรือสูงกว่าบลายเท่านั้น
                เรส(Raise)การเรสจะเกิดเมื่อต้องการเกใส่ผู้เดิมพัน จำกัดอย่างน้อยสองเท่าของการเดิมพัน
                รี-เรส(Re-Raise) การรีเรสจะจำกัดขั้นต่ำจากเงินที่เรสมาก่อนนี้ เช่น
ผู้เล่นเอ เดิมพัน 100
ผู้เล่นบี เรสเป็น 300 (เพิ่มเงินมา 200)
ผู้เล่นเอ รีเรสเป็น 500 (รีเรสต่ำสุด)
ผู้เล่นบีคอล

                Pot limit เป็นการจำกัดเดิมพันแบบคิดตาม pot (กองกลาง) มักใช้กับ โอมาฮ่า เนื่องจากโอมาฮ่าถือไพ่ทั้งสิ้น สี่ใบ ทำให้เกิดการรอไพ่ที่กว้างกว่า การเล่นแบบเท็กซัสโฮลเอ็ม Pot limit จำกัดขั้นต่ำในการเดิมพันตาม No limit แต่เพิ่มการจำกัดการเดิมพันสูงสุดไว้ด้วยโดยไม่เกินเงินในกองกลาง
                                ตัวอย่าง
Flop เหลือผู้เล่น เอ บี ซี มีเงินก่อนหน้า 20
ผู้เล่นเอ เดิมพัน 5 (pot = 25)
ผู้เล่นบี เรสสูงสุด 35 (call 5,pot = 30,+bet30 pot=60)
ผู้เล่นซี เรสสูงสุด 130 (call 35,pot = 95,+bet 95 pot=190)
ผู้เล่นเอ หมอบ
ผู้เล่นบี เรสสูงสุด 450 (call 130,pot=320,+bet 320 pot=640)
ผู้เล่นซีหมอบ
               
                Fixed limit เป็นการจำกัดแบบสุดท้าย การจำกัดแบบนี้จะต้องเดิมพันหรือเรสด้วยจำนวนเงินที่ตายตัว มักจะใช้กับเกมที่ต้องเล่นหลายๆการเดิมพันและรอไพ่ยาก อย่างเช่น สตั๊ด แรซ หรือ โอมาฮ่าไฮ-โล หรือเกมที่เป็นmixed game อย่างเช่น H.O.R.S.E โดยจะบอกการเดิมพันเป็น3 ช่อง เช่น 5/10/20 โดยการเดิมพันครึ่งแรก (ถ้าเป็นการเดิมพันสี่รอบจะเป็นสองรอบแรก) จะเดิมพันตามเงินในช่องที่สอง สามารถเรส และรี-เรสตามเท่าตัวของแต่ละรอบเท่านั้น สามารถรี-เรสได้สูงสุดสี่เท่า
                                เช่น ตัวอย่าง ผู้เล่น เอ บี ซี
                                ผู้เล่นเอเป็นดีลเลอร์ บีเป็นสมอลบลายวางเงิน 5 ซีเป็นบิ๊กบลายวางเงิน 10
                                ผู้เล่นเอ เรส 20
ผู้เล่นบี หมอบ
ผู้เล่นซี คอล
Flop
ผู้เล่นซีเดิมพัน 10
ผู้เล่นเอเรส 20
ผู้เล่นซีคอล
Turn
ผู้เล่นซี เช็ค
ผู้เล่นเอ เดิมพัน 20
ผู้เล่นซีคอล
River
ผู้เล่นซี เดิมพัน 20
ผู้เล่นเอ เรส 40
ผู้เล่นซี รี-เรส 60
ผู้เล่นเอ รี-เรส 80
ผู้เล่นซีคอล

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

ประเภทของการซื้อเข้าในโป๊กเกอร์


                นอกจากการแบ่งการเล่นตามประเภทของเกมโป๊กเกอร์แล้ว การแบ่งประเภทของโป๊กเกอร์ยังมีการแบ่งตามประเภทการจ่ายเงินด้วย

                Cash-in หรือ แปลเป็นไทยว่าเข้าด้วยเงินสด ผู้เล่นจะต้องใช้เงินสดของตัวเองในการเล่น ซึ่งการเล่นประเภทนี้มักจะมีการเลือกไพ่ที่ค่อนข้างกว้างกว่าอีกแบบหนึ่ง เนื่องจากชิบที่ลงสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ซึ่งเราสามารถเสียเงินจำนวนนี้ได้โดยไม่เกี่ยวพันถึงตาต่อๆ ไปมากนัก การเล่นแบบ Cash Game สามารถกลับมาเล่นที่โต๊ะเดิมได้อีกหากทำการAll-inจนหมดแล้วก็ตาม

                Buy-in หรือ การซื้อเข้า หมายความว่าผู้เล่นจะใช้เงินในการซื้อชิบ เพื่อเข้าไปเล่นในเกม โดยจะจบเกมก็ต่อเมื่อผู้เล่นทำการAll-inจนหมดแล้วไม่มีชิบเหลือให้เล่น แล้วเงินรางวัลจะให้ตามอันดับที่จบเกมนั้นๆ หรือหากเกมนั้นมีตัวเลือกให้เข้าว่าผู้เล่นสามารถเข้ามาเล่นได้ใหม่ได้ถึงจุดใดก็สามารถเข้ามาเล่นได้เรื่อยๆจนกว่าจะถึงจุดนั้นๆ ซึ่งการเล่นแบบนี้มีสองแบบหลักๆ
                Sit and Go หรือ SNG เป็นเกมที่จำกัดผู้เล่นโดยจะเริ่มเล่นก็ต่อเมื่อจำนวนผู้เล่นครบ เป็นเกมที่นิยมเล่นอย่างมากในการเล่นออนไลน์ เพราะว่าสามารถรอผู้เล่นได้คนอื่นมาให้ครบได้ง่าย แถมยังสามารถเล่นได้ทุกที่ด้วย โดยทั่วไปจะเล่นกันหนึ่งโต๊ะ 9 คน แต่จำนวนคนเล่นแบบอื่นก็มีผู้เล่นเหมือนกัน เช่น 6, 18, 27, 45, 180, 450, 990 คน การเล่นแบบ SNG จะสามารถบอกได้ว่าแต่ละอันดับจะได้เงินรางวัลเท่าไหร่อย่างแน่นอน
                Tournament เป็นการเล่นที่ผู้เล่นจะต้องจ่ายค่าเข้า แล้วจ่ายเงินรางวัลตามอันดับเช่นกัน แต่ว่าการเล่นแบบนี้โดยทั่วไปจะไม่มีการจำกัดผู้เล่นว่าจะเล่นกี่คน โดยทัวนาเมนท์ที่โด่งดังที่สุดคือ $10k WSOP Main Event หรือ No-limit hold 'em World Championship $10,000 ซึ่งถือว่าเป็นทัวร์นาเมนท์ชิงแชมป์โลก แต่โดยทั่วไปแล้ว ในแต่ละวันจะมีทัวร์นาเมนท์นับพัน-หมื่น สำหรับโป๊กเกอร์ออนไลน์ ในแต่ละวัน ซึ่งผู้ชนะจะได้เงินรางวัลจำนวนมากในแต่ละทัวร์นาเมนท์
                Satellite Tournament เป็นทัวร์นาเมนท์ เป็นทัวนาเมนท์ที่มีคอนเซ็ปคือ ใช้เงินน้อยกว่าเพื่อเข้าไปเล่นในทัวร์นาเมนท์ที่ใช้เงินมาก โดยการเล่นเหมือนทัวร์นาเมนท์ธรรมดา แต่รางวัลเป็นตั๋วไปเล่นในทัวร์นาเมนท์ที่ใช้เงินมากกว่า เช่น ต้องการเล่นในทัวร์นาเมนท์ราคา 100 มี Satellite Tournament ราคา 10 สมมติมีผู้เล่นเข้าไปเล่นใน Satellite Tour 128 คน เท่ากับมีเงินรางวัลรวม 1280 แต่ราคาทัวร์นาเมนท์ที่จะไปราคา 100 หมายความว่า ที่1-12จะได้ตั๋วเข้าไปเล่นในทัวร์นาเมนท์ต่อไป ส่วนเศษเหลือ 80 จะเป็นของอันดับที่ 13 

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

ดรอวโป๊กเกอร์


                ดรอวโป๊กเกอร์ หรือ โป๊กเกอร์แบบจั่วไพ่ เป็นโป๊กเกอร์แบบดั้งเดิมที่สุดที่มีการเล่นโป๊กเกอร์มา เราจะเห็นการเล่นโป๊กเกอร์แบบนี้ตามหนังคาวบอยทั่วไป ซึ่งเป็นแบบ 5-Card Draw
                ในสมัยก่อนเหล่าคาวบอยจะไม่มีการใช้ชิบ แต่จะใช้เงินสดในการเดิมพัน นอกจากนี้ยังมีการยิงกันอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว นี่จึงทำให้โป๊กเกอร์ในเวลานั้นถือเป็นเกมสำหรับคนจริง เพราะสถานที่เล่นอันตรายมากนั่นเอง
                การเล่นโป๊กเกอร์แบบนี้มีความยากอยู่ที่จิตวิทยา เพราะว่าไม่มีไพ่ใบใดถูกเปิดออกมา ผู้เล่นแต่ละคนจะต้องประเมินจำนวนไพ่ที่ผู้เล่นคนอื่นเปลี่ยน การบลั๊ฟมักจะถูกใช้บ่อยกว่า เนื่องจากไม่มีไพ่ให้เห็น หรือแม้กระทั่งจำนวนไพ่ที่เปลี่ยน เพื่อให้ผู้เล่นคนอื่นประเมินผิดพลาดไป
                รูปแบบของโป๊กเกอร์แบบจั่วไพ่นี้มีหลายแบบ แต่ที่คนยังนิยมเล่นมีเพียงสามแบบเท่านั้น

                5-Card Draw เป็นโป๊กเกอร์แบบดั้งเดิมที่เห็นตามหนัง วิธีการเล่นคือเล่นโดยแจกไพ่แก่ผู้เล่นคนละห้าใบ จากนั้นทำการเดิมพัน และ เลือกไพ่ที่จะเปลี่ยน ศูนย์ถึงห้าใบ จากนั้นก็ดูไพ่ของตนว่ามีความใหญ่เท่าไหร่ แล้วทำการเดิมพันอีกรอบ โป๊กเกอร์แบบนี้ไม่ได้รับความนิยมในระดับมืออาชีพเท่าใดนัก เพราะใช้ฝีมือน้อยกว่านั่นเอง แต่มักจะปรากฏตามผู้ที่เริ่มเล่นตามบ้าน เพื่อที่จะให้รู้ว่าลำดับของโป๊กเกอร์ว่าไพ่ชุดใดมีความใหญ่-เล็กกว่ากัน หรือถ้าท่านต้องการที่จะหาความคลาสสิกก็ลองเล่นดูได้

                2-7 Draw Low Ball เป็นการเล่นที่นับไพ่ตรงข้ามกับ 5-Card Draw โดยไพ่ที่ใหญ่ที่สุดใน 2-7 Draw เป็นไพ่ที่ต่ำที่สุดใน 5-Card Draw ส่วนไพ่สเตรท ฟลัช หรือสูงกว่า จะถือว่ามียศเท่ากัน กล่าวคือ ไม่มีทางชนะ ไพ่ที่สูงที่สุดของ 2-7 Draw คือ 7 5 4 3 2 ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเกมนี้ สังเกตุได้ว่าหากไม่ใช่ดอกเดียวกันแล้ว ไพ่ชุดนี้ไม่สเตรท ไม่ฟลัช และ ยังมีค่าน้อยที่สุดเมื่อนับไพ่สูงอีก ดังนั้นไพ่ชุดนี้จึงเป็นไพ่สูงสุดของ 2-7 Draw ไพ่รูปแบบนี้มีการเล่นสองแบบ คือ จั่วรอบเดียว(Single Draw) กับจั่วสามรอบ(Triple Draw)

                Badugi เกมโป๊กเกอร์ที่แตกต่างจากโป๊กเกอร์ Badugi เป็นเกมไพ่ที่ต้องจั่วสามรอบ โดยมีเป้าหมายทำไพ่บนมือให้ต่ำที่สุด โดยไม่ซ้ำเลข และ ซ้ำดอก ไพ่A ถือเป็นไพ่ที่มีค่าต่ำที่สุดในเกมBadugi Kเป็นไพ่สูงสุดและแย่ที่สุด โดยมีการแบ่งลำดับดังนี้
                     -4 Card หรือ Badugi เช่น 4 3 2 A หรือ 9 6 4 3 หรือ K J 6 4
                -3 Card เช่น 7 4 2 A(4 2 A) หรือ 7 7 4 A(7 4 A) หรือ 4 3 2 A (3 2 A)
                -2 Card เช่น 5 4 3 2(3 2) หรือ 5 5 5 2(5 2) หรือ 5 5 2 2 (5 2)
                -1 Card เช่น K K K K(K) หรือ 4 3 2 A(A)
วิธีการนับแต้มจะนับยศของไพ่ก่อน จากนั้นจะนับตัวสูงสุดในชุดไพ่ก่อน จากนั้นนับตัวรองลงมาเรื่อยๆ ถ้าไพ่ชุดเดียวกัน มีแต้มเท่ากันทุกใบก็จะแบ่งกองกลาง เช่น 4-Card ชนะ 3-Card , 7 4 3 2 ชนะ 8 4 3 A,8 4 2 A ชนะ 8 5 3 2 เป็นต้น
ด้วยความที่ซับซ้อนของเกม ทำให้Badugi ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก

สตั๊ด


                รูปแบบหนึ่งของโป๊กเกอร์ที่มีคนนิยมเล่นก็คือ สตั๊ด
                แม้ว่าสตั๊ดจะไม่ได้เป็นเกมที่ผู้เล่นนิยมเท่ากับ โฮลเอ็มทั้งสองแบบ แต่ว่าก็เป็นเกมที่ถือกำเนิดมานาน
                ประวัติเล่าว่าสตั๊ดปรากฏครั้งแรกเมื่อสมัยสงครามกลางเมืองอเมริกัน และกลายเป็นที่นิยมของทหารทั้งสองฝ่าย และปรากฏสืบมาจนทุกวันนี้
                สตั๊ดมีรูปแบบการเล่นคือ แจกไพ่ให้ผู้เล่นแต่ละคนโดยมีไพ่ที่ผู้เล่นแต่ละคนเท่านั้นที่รู้และไพ่ที่เปิดมาให้ทุกคนในวงเห็น จะเห็นได้ว่าไม่มีการใช้ไพ่กองกลางในการเล่น ทำให้กลยุทธ์และการวิเคราะห์แตกต่างจากโป๊กเกอร์แบบโฮลเอ็ม เพราะว่านอกจากจะมองว่าจากไพ่ที่โชว์อยู่เขาสามารถมีอะไรได้บ้าง ยังต้องวิเคราะห์ว่าไพ่ที่เราโชว์อยู่จะทำให้คู่ต่อสู้คิดว่าเรามีอะไรได้บ้าง ซึ่งต่างจากโฮลเอ็มอย่างชัดเจน
               
                ประเภทของสตั๊ด เนื่องจากสตั๊ดเป็นเกมที่ได้รับความนิยมจึงได้มีการคิดสตั๊ดรูปแบบใหม่ๆให้แตกต่าง
                สตั๊ดห้าใบ หรือที่เรียกกันว่า เผ ซึ่งมักจะปรากฏตามหนังจีน วิธีการเล่นคือดีลเลอร์จะแจกไพ่เปิดและไพ่ปิดมาอย่างละใบ ในแต่ละรอบเดิมพันก็จะส่งไพ่ทีละใบไปสู่ผู้เล่นโดยการเปิดหน้าไพ่ไว้ มีแค่ไพ่ในตอนแรกแค่ใบเดียวเท่านั้นที่ปิดไว้ไม่แสดงแก่ใคร
                สตั๊ดเจ็ดใบ เป็นเกมที่ได้รับความนิยมมากกว่าสตั๊ดห้าใบ เพราะว่าไพ่สามารถรอได้มากกว่า โดยเริ่มจะแจกไพ่แก่ผู้เล่นคนละสามใบ โดยมีสองใบปิด หนึ่งใบเปิด เมื่อเดิมพันกันเสร็จ ก็จะแจกไพ่อีกครั้งโดยหงายหน้าไพ่ เมื่อหน้าไพ่หงายครบสี่ใบ ก็จะแจกใบสุดท้ายเป็นไพ่ปิด แล้วก็จะทำการเดิมพันรอบสุดท้ายก่อนถึงจุดโชว์ดาวน์
                สตั๊ดเจ็ดใบไฮ-โล มีวิธีการเล่นแบบสตั๊ดเจ็ดใบ แต่ทำการแบ่งกองกลางเป็นสองส่วน ดูเพิ่มเติมที่โอมาฮ่า
                แรซ เป็นการเล่นสตั๊ดเจ็ดใบแบบหนี่ง แต่เล่นโดยวัดไพ่ใครต่ำกว่ากัน โดยต่างจาก โล ตรงที่ไม่ได้จำกัดไพ่สูงสุดในชุดว่าต้องไม่เกินเท่าไหร่ ไพ่ที่ดีที่สุดคือ 5 4 3 2 A เหมือนกัน

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

โอมาฮ่า


                อีกหนึ่งรูปแบบของโป๊กเกอร์ที่เป็นที่นิยม แม้ว่าจะไม่เท่าเท็กซัสโฮลเอ็ม แต่ก็มีไม่น้อย เกมนั้นคือ โอมาฮ่า
                โอมาฮ่ามีชื่อเต็มว่า โอมาฮ่าโฮลเอ็ม (โฮลเอ็มเป็นชื่อที่หมายถึงเกมโป๊กเกอร์ที่ใช้ไพ่กองกลาง)

                ต้นกำเนิดของโอมาฮ่าไม่เป็นที่แน่ชัด ถูกนำเข้าสู่คาสิโนโดย Robert Turner ผู้บริหารของคาสิโน

                โอมาฮ่าแบบดั้งเดิมนั้นจะแจกผู้เล่นคนละสองใบ และใช้ทั้งสองใบนั้นแทนลงไปในกองกลาง(ต่างจากเท็กซัสโฮลเอ็มที่ใช้ใบเดียวแทนได้) ในหนังสือ Super/System โอมาฮ่าเวอร์ชันนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น Tight Hold’em

                โอมาฮ่ามีกฏการเดิมพันที่เหมือนโฮลเอ็ม มีข้อแตกต่างคือ โอมาฮ่าจะแจกไพ่แก่ผู้เล่นทุกคนคนละสี่ใบ ต่างจากโฮลเอ็มที่แจกสองใบ และโอมาฮ่าจะต้องนำไพ่บนมือสองใบไม่มากไม่น้อยกว่านี้แทนลงไปในกอง เพื่อให้ได้ไพ่ที่ดีที่สุด ซึ่งต่างจากโฮลเอ็มชัดเจน เพราะว่าโฮลเอ็มสามารถแทนไพ่ด้วยไพ่ใบเดียว หรือไม่จำเป็นต้องแทนได้ ส่วนกฏที่เหลือจะเหมือนกับเท็กซัสโฮลเอ็ม
               

                โอมาฮ่าไฮ-โล เป็นการเล่นรูปแบบหนึ่งของโอมาฮ่า วิธีการเล่นก็คือ แบ่ง pot เป็นสองส่วน คือpot สูง และ ต่ำ โดยผู้เล่นที่มีไพ่ที่ดีที่สุดในแต่ละ pot ก็จะได้ pot ส่วนนั้นไป แต่หากไม่มีผู้เล่นคนใดมีไพ่ชุดต่ำ ผู้ที่มีไพ่ชุดสูงจะได้ไปทั้งหมด

                โดยหลักการเล่นโอมาฮ่าไฮ-โลนั้นเหมือนกับ โอมาฮ่าธรรมดา แต่ว่ามีการเลือกไพ่ที่แปลกมากขึ้น โดย2-5 จะถูกนำมาใช้ตัดสินใจมากขึ้น

                วิธีคิดไพ่ชุดต่ำจะไม่นับสเตรทหรือฟลัช เพราะมันเป็นคนละกองกับชุดสูง กล่าวคือ แม้ว่าจะได้ชื่อว่าต่ำ แต่ก็ใช้ไพ่ฟลัชหรือสเตรทได้ โดยไพ่ที่มีค่าสูงที่สุดของต่ำคือ A 2 3 4 5 (Aมีค่าต่ำสุดในชุดต่ำ) และการที่จะมีไพ่ชุดต่ำได้ จะต้องรวมไพ่บนมือเข้ากับบนกองให้ได้ห้าใบ โดยใบสูงสุดของชุดต่ำคือ 8

                ถ้า ไพ่บนกองกลางมีดังนี้ K T A 2 9 จะไม่มีไพ่ต่ำ เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรไพ่ที่มีค่าสูงสุดของชุดต่ำจะเป็น9 อยู่ดี เช่น นำ 3 4 ไปแทน K T ก็จะได้ชุด 9 4 3 2 A ซึ่งใบสูงสุดมีค่าเกิน 8 จึงเรียกได้ว่า กองกลางนี้ไม่มีไพ่ต่ำ

                โอมาฮ่าแบบนี้ สามารถมีผู้ชนะได้ทั้งกองเงินสูงและต่ำได้ เช่นไพ่กองกลางเป็นดังนี้ A 2 Q 8 9 สมมติให้ผู้เล่น ก มีไพ่บนมือดังนี้ J T 4 3 จะถือว่ามีไพ่สูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ทั้งต่ำและสูง โดยไพ่ชุดสูงเป็นดังนี้ Q J T 9 8 และไพ่ชุดต่ำเป็นดังนี้ 8 3 4 2 A จึงกล่าวได้ว่า ก ได้เงินทั้งสองกองเลยนั่นเอง

                เนื่องจากกองต่ำใช้ไพ่สูงสุดคือ 8 จึงทำให้ เรียกไพ่ที่มีการเล่นแบบนี้ว่า 8 or better ซึ่งหมายถึง ไพ่8 หรือดีกว่า
Sumsoccer makethaifood99 Backlinks