การเล่นโป๊กเกอร์
ถ้าแบ่งการเล่นตามสภาพแวดล้อมของผู้เล่นแล้ว คงต้องบอกว่ามีการเล่นอยู่สองแบบ
การเล่นเจอกับคนจริงๆ กับการเล่นแบบออนไลน์
ถ้าจะถามว่าวิธีการเล่นทั้งสองแบบนี้แตกต่างกันมากไหม
ก็คงต้องตอบว่าไม่ต่างกัน แต่การเล่นแบบออนไลน์ใช้การตัดสินใจที่ต้องรวดเร็ว
ใช้เวลาคิด 30 วินาทีก็ถือว่ามากแล้ว 1 นาทีถือว่านานเลยล่ะ
แต่กับการเล่นแบบเห็นหน้าไม่ใช่ บางคนนั่งคิดใช้เวลาหลายนาทีเลยด้วยซ้ำถ้าจังหวะนั้นเป็นจังหวะที่สำคัญมากๆ
ด้วยเวลานี่เอง
ทำให้การเล่นแบบออนไลน์เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว เพราะใช้เวลาต่อการเล่น 1 ตา
น้อยกว่ามาก ทั้งยังสามารถเล่นได้หลายโต๊ะพร้อมๆกันด้วย
มืออาชีพบางคนเล่นเป็นล้านตาต่อปีเลยด้วย!!!
นอกจากนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของโลก ขอเพียงมีโปรแกรมโป๊กเกอร์และอินเตอร์เน็ต
ก็สามารถสู้กับคนที่อยู่ห่างไปเป็นพันๆกิโลเมตรได้
ถึงอย่างนั้นการเล่นแบบเห็นหน้าจริงๆใช่ว่าจะไม่มีข้อดี
เนื่องจากผู้เล่นจะต้องเผชิญหน้ากันทำให้มีโอกาสสังเกตุท่าทางของผู้เล่นคนอื่นในโต๊ะได้
ซึ่งสำหรับผมเองก็มีจังหวะหลายๆจังหวะที่พลาดเพราะสังเกตุท่าทางคู่ต่อสู้ไม่ได้ในการเล่นแบบออนไลน์(ซึ่งมักจะพลาดเพราะต้องเริ่มก่อน)
และเคยเอาตัวรอดจากจังหวะที่เหมือนกันเพราะเล่นแบบเห็นหน้า
อย่างที่บอกในบทที่แล้วว่า
สิ่งที่สำคัญที่สุดในโป๊กเกอร์คือการตัดสินใจ โดยมีตัวเลือกการกระทำดังนี้
หมอบ(Fold)
หากเราไม่ต้องการจะเล่นไพ่ใบนี้ต่อไปก็หมอบ เพื่อป้องกันเงินที่เรามี
แต่ก็มีการหมอบอีกแบบก็คือ มัค(Muck) ที่พอถึงจุดที่ต้องโชว์ไพ่แล้วแต่คิดว่าถ้าถึงจุดที่ต้องโชว์ไพ่แล้วไพ่ของเรายังไงก็แพ้
ก็ทำการมัคไพ่ไป เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้เห็นไพ่ของเรา เช่นอีกฝั่งมีคู่ A แต่เรามีคู่ K
พอถึงจุดที่ต้องโชว์ไพ่
อีกฝั่งโชว์ก่อน เราอาจทำการมัคไพ่ไป เพราะจะได้เป็นการทำให้อีกฝั่งคิดมาก
อาจคิดว่าเรามีคู่ต่ำๆ หรือไม่ติดคู่ ซึ่งมีผลต่อการเล่นในตาต่อไป
เช็ค(Check)
การเช็คคือการผ่าน
เราจะเช็คได้ต่อเมื่อเราเริ่มคนแรก หรือ คนที่เล่นก่อนหน้าเราเช็คทุกคน
การเช็คเป็นการแสดงความอ่อนแอแบบหนึ่ง แต่ก็เป็นการหลอกคู่ต่อสู้ที่ได้ผลเยี่ยม
นอกจากนี้การเช็คยังถูกใช้ในการหาข้อมูลจากคู่ต่อสู้หากเราเป็นฝ่ายเริ่มก่อนด้วย
นอกจากนี้ยังใช้ในการรอไพ่ฟรีอีกด้วย
คอล(Call)
การคอลคือการที่เราตามคนที่ทำการวางเดิมพัน(Bet)
หรือเพิ่มเดิมพัน(Raise) การคอลหมายความว่าเราต้องการจะดูไพ่ใบต่อไปหรือไม่ก็คือต้องการจะวัดไพ่
บางครั้งการคอลเป็นการแสดงความอ่อนแอ
โดยคู่ต่อสู้อาจคิดว่าเราอาจมีไพ่ไม่สูงนักแต่ต้องการดูไพ่ใบต่อไปเพื่อตัดสินใจ
หรือ เราอาจจะรอให้ชุดไพ่ของเราครบ โดยเฉพาะหากก่อนหน้านี้เราเช็คมาก่อน
เบ็ท(Bet)
หรือวางเดิมพัน
ใช้ในตอนที่ไม่มีผู้เล่นที่อยู่ก่อนหน้าคนใดเริ่มเป็นคนวางเดิมพันก่อน การเบ็ทเป็นการแสดงความแข็งแกร่งแบบหนึ่ง
แต่ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเมื่อเทียบกับกองกลาง ทั้งยังเป็นการกดดันคู่ต่อสู้ด้วย
และยังเป็นการเพิ่มเงินในกองกลางให้มีค่ามากกว่าเดิม
นอกจากนี้ยังใช้ในการบลั๊ฟอีกด้วย
เรส(Raise)
หรือเพิ่มการเดิมพัน
ใช้ในตอนที่มีผู้เล่นคนอื่นทำการเบ็ทมา
แล้วเราต้องการเพิ่มวงเงินของการเดิมพันรอบนั้น เป็นการบอกว่าเราแข็งแกร่งจริงๆ การเรสเป็นการทำให้คู่ต่อสู้คิดหนักมากและกดดันโดยเฉพาะถ้าก่อนหน้านี้เราเช็คมาเพราะเหมือนกับการที่เราบอกว่าที่เช็คก่อนหน้านี้เป็นการวางกับดัก
แน่นอนว่าใช้ในการบลั๊ฟด้วย ถ้าเรสคนที่เรสมาจะเรียกว่า รีเรส(Re-Raise)
ออลอิน (All-In)
การออลอินเป็นรูปแบบหนึ่งของการเบ็ทหรือเรส
เป็นการแสดงความแข็งแกร่งแบบสุดๆ เหมือนคำว่าทุ่มสุดตัว
เพราะว่าการออลอินเป็นการเล่นโดยใช้ชิบทั้งหมดที่มีไปกับการเดิมพันครั้งนี้
ที่สำคัญก็คือ คู่ต่อสู้ไม่สามารถทำให้เราหมอบได้ ทำให้เมื่อเผชิญหน้าคนที่ออลอิน
ฝั่งตรงข้ามจะรู้สึกกดดันมาก
ส่วนข้อมูลที่เราตัดสินใจมาจาก
การที่เราประเมินไพ่ในมือ
ดูว่าผู้เล่นที่เล่นด้วยกันในตานั้นๆมีนิสัยการเล่นเป็นอย่างไร
ดูว่าเขาใช้เวลาในการตัดสินใจนานเท่าไหร่ ดูว่าเขาตัดสินใจในการทำอะไร
และถ้าเป็นการเล่นแบบเห็นหน้า ก็ดูว่าเขามีอาการอย่างไรมาประกอบการตัดสินใจด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น